เปิดขายลูกแมวเปอร์เซีย หิมาลายัน ครับผม อัพเดท 18 กันยายน 2553

สวัสดีครับ

ตอนนี้ผมมีลูกแมวเปอร์เซียหิมาลายัน บลูพอย์ท เพศเมีย หน้าบี้ 1 ตัว มาดูแมวที่เปิดขายกันครับ

1. ข้าวปั้น- เพศเมีย สีบลู พอย์ท หน้าบี้ << คลิกเลย อัพเดทรูปแล้ว (เปิดขายครับ update 20 ส.ค. 53) อายุ 5 เดือนละครับ กินอาหารเม็ดได้แล้ว ถ่ายพยาธิ+วัคซีน+พิษสุนัขบ้า และขับถ่ายในกะบะแล้ว

สนใจโทรมาคุยหรือนัดเข้ามาดูตัวจริงได้นะครับ โดยติดต่อมานะครับที่เบอร์ 089หนึ่งหนึ่ง5หนึ่ง946 ยังไงขอเวลาติดต่อ ซักเวลา 09.00 น. - 21.00 น. นะครับ

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ทำไมแมว 3 สี Calico ถึงมีแต่เพศเมีย

พอดีอ่านไปอ่านมานึกขึ้นได้ ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านเลยหามาให้อ่านกัน เกี่ยวกับกับว่าจริงหรือไม่ที่แมว 3 สีต้องเป็นเพศเมียเพราะอะไรมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันนะครับ

จากบทความเรื่อง "จริงหรือที่ว่าแมวสามสีเป็นเพศเมีย" ของผศ.ดร.อัครเดช บุญประกอบ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีคำตอบเรื่องนี้โดยเริ่มจากอธิบายเกี่ยวกับพันธุกรรมและการแสดงออกของยีน เพราะ " สีขน" เป็นลักษณะทางพันธุกรรม การเกิดสีขน ขาว เหลือง (น้ำตาล) และดํา ถูกควบคุมด้วยยีน หรือสารพันธุกรรมที่อยู่บนโครโมโซม หรือ ดีเอ็นเอ ของแมวแต่ละตัว

แมวมีโครโมโซมจํานวน 19 คู่ ประกอบด้วย โครโมโซมร่างกาย 18 คู่ และโครโมโซมเพศ 1 คู่ โดยแมวเพศผู้มีโครโมโซมเพศแบบ XY แมวเพศเมียมีโครโมโซมเพศแบบ XX สีขนในแมวเป็นผลของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษ ผ่านกระบวนการสืบพันธุ์แบบใช้เพศโดยอาศัยเซลล์สืบพันธุ์

ยกตัวอย่างการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบนโครโมโซมเพศ เช่น พ่อแมว (เพศผู้) มีคู่โครโมโซมเพศเป็นแบบ XY และให้เซลล์สืบพันธุ์ (ตัวอสุจิ) ที่มีโครโมโซมเพศแบบ X หรือ Y ชนิดใดชนิดหนึ่ง ขณะที่แม่แมว (เพศเมีย) มีคู่โครโมโซมเพศแบบ XX และให้เซลล์สืบพันธุ์ (ไข่) ที่มีโครโมโซมเพศแบบ X ชนิดเดียว เนื่องเพราะไข่มีเพียงโครโมโซมเพศแบบ X เท่านั้น ลักษณะเพศของลูกแมวจึงถูกกําหนดให้เป็นไปตามชนิดของโครโมโซมเพศ (X หรือ Y) ที่มากับตัวอสุจิ กล่าวคือ การปฏิสนธิระหว่างไข่และตัวอสุจิที่มีโครโมโซมเพศแบบ Y ให้กําเนิดลูกเป็นเพศผู้ ขณะที่การปฏิสนธิระหว่างไข่และตัวอสุจิที่มีโครโมโซมเพศแบบ X ให้กําเนิดลูกเป็นเพศเมีย

การเข้าคู่ของโครโมโซมที่มาจากพ่อและแม่ เป็นผลให้ยีนหนึ่งๆ ที่อยู่ในตําแหน่งเดียวกันบนคู่ของโครโมโซมและควบคุมลักษณะเดียวกันที่เรียกว่า อัลลีล ( allele) มีจํานวนเป็นคู่ ( 2 อัลลีล) โดยอัลลีลหนึ่งอยู่บนโครโมโซมที่ได้รับจากพ่อ และอีกอัลลีลหนึ่งอยู่บนโครโมโซมที่ได้รับจากแม่ ทั้งนี้ ยกเว้นบางยีนที่อยู่บนโครโมโซมเพศของแมวเพศผู้ เพราะโครโมโซม X และ Y มีลักษณะและจํานวนยีนแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ยีนที่อยู่บนโครโมโซม X ของแมวเพศผู้ มีเพียง 1 อัลลีลเพราะมีโครโมโซม X เพียงชิ้นเดียว

จากความเข้าใจดังกล่าวสามารถ อธิบายสาเหตุที่พบว่าแมวสามสี ( ส้ม หรือเหลือง หรือน้ำตาล ขาว และดํา) หรือสองสี (ส้มและดํา) ส่วนใหญ่เป็นเพศเมียได้ เพราะยีนที่ควบคุมลักษณะสีขนดังกล่าวอยู่บนโครโมโซม X และมี 2 อัลลีล คือ อัลลีลที่เป็นยีนเด่น เรียก " Orange allele" ( แทนด้วยสัญลักษณ์ O) ควบคุมลักษณะสีขนให้เกิดสีส้ม และอัลลีลที่เป็นยีนด้อย เรียก " Non-orange allele" ( แทนด้วยสัญลักษณ์ o) ควบคุมลักษณะสีขนให้เกิดขนสีอื่นที่ไม่ใช่สีส้ม และส่วนใหญ่พบว่าทําให้เกิดสีดํา เนื่องจากยีนที่ควบคุมลักษณะสีขนดังกล่าวอยู่บนโครโมโซม X เป็นผลให้ลักษณะสีขนส้ม ขาว และดํา ผันแปรตามเพศของแมว

โดยแมวเพศผู้มีโครโมโซมเพศแบบ XY จึงมียีนดังกล่าวเพียงหนึ่งอัลลีลที่อยู่บนโครโมโซม X ซึ่งอาจเป็นอัลลีลแบบ O/-(สีส้ม) หรือ o/-(สีดํา) อย่างใดอย่างหนึ่ง ทําให้แมวเพศผู้ส่วนใหญ่มีขนสีส้มหรือสีดําเพียงสีใดสีหนึ่งเท่านั้น ขณะที่แมวเพศเมียมีโครโมโซมเพศแบบ XX จึงมียีนที่ควบคุมลักษณะสีขนดังกล่าวจํานวน 2 อัลลีลอยู่บนโครโมโซม X แต่ละข้าง ซึ่งอาจเป็นอัลลีลแบบ O/O (สีส้ม) หรือ o/o(สีดํา) หรือ O/o(สีส้มและสีดําในตัวเดียวกัน) ด้วยเหตุนี้แมวที่มีสามสีหรือมี 2 สี (ส้มและดํา) ที่พบเห็นเป็นส่วนใหญ่จึงเป็นแมวเพศเมีย

เป็นไงครับพอเข้าใจกันบ้างไหมครับ เป็นว่าเจอแมว 3 สี ก็ทายเลย เพศเมีย น่าจะชัวร์กว่า 99% แต่อีกทีแต่หากเรื่องเพศดูง่ายๆ ก็ให้ดูช่องปัสสาวะ หากใกล้กับก้น(ทวาร)ก็เป็นตัีวเมีย แต่หากห่างมากก็ตัวผู้ครับ(ในกรณีแมวเด็ก) แต่หากแมวโตแล้ว ก็น่าจะดูกันไม่ยากนะครับเรื่องเพศ

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เรื่องเล่า.. พาแมวเปอร์เซียไปรักษาโรงพยาบาลสัตว์แล้วตาย.. ร่วมอาลัยให้น้องขนมจีบด้วยครับ

นั่งทำใจอยู่นานเหมือนกัน ว่าจะมาเขียนลงยังไง พอทำใจได้ก็เลยมาลงเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือเรื่องมีอยู่ว่า

เจ้าขนมจีบ ลูกแมวเปอร์เซีย หิมาลายัน ครอกที่เพิ่งคลอดล่าสุด วันนี้อายุได้ 52 วันพอดี ได้พาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์แถวสวนหลวงฯ แห่งหนึ่ง ไม่ขอเอ่ย แล้วกันว่า โรงพยาบาลไหน ขอให้จบไปดีกว่า น้องเขาก็ไปดีแล้ว จริงจะเล่าไม่ได้จะโทษโรงพยาบาลนะครับ แต่จะเล่าถึงเหตุการที่เกิดขึ้นให้ฟังเฉยๆ

ตื่นเช้ามาวันหนึ่งเจ้าขนมจีบก็ขาบวมเฉยเลย ไม่ทราบสาเหตุ แต่ดูกันว่าน่าจะขาหักเพราะไปซ่าอะไรบางอย่าง และหลังๆ น้องซนมาก แรกๆ ขามันเจ็บ เดินไม่ได้เลย ก็เลยโทรไปถามหมอประจำว่าควรทำยังไง ก็เลยคุยกับหมอว่ารอดูอาการซักคืนก่อน หากเดาะธรรมดาก็หาย แต่หากหักก็จะบวม แต่ปรากฏว่าไม่ดีขึ้น..

พอวันรุ่งขึ้น.. อาการไม่ดีขึ้นก็เลยนำเข้าไปเลยเพราะขาเริ่มบวมบ้างแล้ว ไปถึงหมอประจำก็แนะนำต่างๆ ดีไม่มีอะไร ฉีดยาแก้ปวดให้ 1 เข็ม และให้ยาแก้ปวดมากินบ้าน หมอก็ยังย้ำว่าหากอยากจะไป X-Ray ดูก็ได้จะได้รู้ว่าหักไหม แต่หมอไม่มีเครื่องมือเลยแนะนำให้ไปอีก โรงพยาบาล แต่ก็บอกแล้วแต่นะเพราะหมา-แมวช่วงเล็กมันก็จะรักษาตัวเองหากเป็นไม่มากไร วันนั้นจึงตัดสินใจยังไม่ไป X-Ray รอดูอาการอีก ก็ให้ยาปกติไม่มีอะไร 3 เวลา เช้า กลางวัน และเย็น แต่ขาก็บวมอีกก็เลยไม่ไหวสงสาร เพราะน้องเขาจะอ้อนมากหลังๆ ผ่านกรงไม่ได้ต้องให้อุ้ม ถึงหยุดร้องได้ อุ้มมาก็มาลูบๆๆ ถึงดีขึ้น

บรรยายรูป: จำได้ว่าก่อนไปมันมองหน้าผมประมาณแบบนี้ครับ แล้วมันร้อง พออุ้มมาลูบๆ ก็หยุดร้อง / จนล่าสุดออกจากห้อง X-Ray มา แล้วก่อนตายผมอุ้มมันมาลูบบนตักผมเพื่อให้หยุดร้อง ซักพักมันตะกายมาอกผมแล้วร้องเสียงดังก่อนแน่นิ่งไป...

ล่าสุดคิดว่าคงไม่ได้แล้วต้องทำไรบางอย่างให้น้องเขาดีขึ้น ก็เลยโทรไปโรงพยาบาดังกล่าวที่มีอุปกรณ์ครบ แล้วถามเบื้องต้นว่าต้องทำยังไงได้บ้าง หมอโรงพยาบาลดังกลาวก็แนะนำมา ก็เลยพาไปเพื่อ X-Ray ดูว่าเป็นไรไหม ตลอดทางที่ขับรถพาน้องไป น้องก็ร้องตลอด ก็อุ้มมาวางตักก็หยุดร้อง เอากลับเก็บตระกร้าก็ร้องใหม่ ก็ร้องตลอดทางเพราะอุ้มไม่ได้ต้องขับรถ มาถึงโรงพยาบา่ลดังกล่าว หมอก็นำเข้าไปในห้องเราก็รอดูข้างนอก เพราะเขามีของขายเกี่ยวกับน้องแมวเยอะ ยังคิดว่ากลับมาจะซื้อยาบำรุงให้น้องเขากินซะหน่ิอย แต่ก็เป็นห่วงเพราะตลอดที่หมอเอาเข้าไปแมวร้องเสียงดังมากตลอด ก็อดทนเพราะจริงๆ สงสารเขามาก เข้าไปซักพักก็ออกมาเอาตระกร้ามาวางไว้ ตอนแรกก็ไม่รู้แมวเรา เขาก็ไม่มาบอกจนเดินเข้าไปดูเสียงคุ้น ก็ถึงรู้ว่าแมวเรา

พอรู้ว่าเป็นแมวเราก็เลยเอามือไปลูบๆ ที่หัวมันมันก็หยุดร้องเลยก็เลยหิ้วตระกร้ามาวางใกล้ และน้องเขาก็เริ่มร้องใหม่ จึ่งจับน้องเขามาวางบนตักเราแรกๆ ก็นิ่งซัก 30 วิ ได้มั้งเราก็ลูบๆ ไปเพื่อให้น้องเขาคลายอาการ ปรากฏว่าน้องเขาตะกายเราจากตักขึ้นมาบนอกร้องอยู่ 3-4 ครั้งสุดเสียง ก่อนจะสิ้นเสียงไป แล้วกช็อคคาอก เหงือกซีดหมดเลย ทั้งๆที่มาก็ไม่ซีก นอกจากขาบวม แต่อื่นๆ ก็เล่นปกติ ตอนนั้นอึ้งครับทำไรไม่ถูกก็ได้แต่เรียกหมอ

ผมก็อุ้มเข้าไปในห้องให้หมอดู หมอก็ช่วยได้แค่ ให้อ๊อกซิเจน จะให้น้ำเกลือก็ไม่ได้เพราะเส้นเลือดน้องเขาเล็ก สรุปหมอก็ช่วยไม่ได้ หมอบอกน้องเขามีอาการช็อตเฉียบพลัน แล้วไม่รู้มีอาการอื่นแทรกอีกหรือไม่ ก็เลยถามไปว่าแล้วมันช็อคเพราะอะไรละ หมอก็ว่าหมอไม่ได้ทำไรนะ ก็ปฏิเสธตลอดเลย สุดท้ายก็เลยถามหมอ แล้วผมต้องทำไงต่อ หมอก็ว่า ก็มีค่า X-Ray ด้วย ก็เลยถามหมอว่าผมต้องจ่ายเหรอครับ หมอทำแมวผมตาย ผมยังไม่ถามเลยนะว่าหมอจะชดใช้ผมยังไงทั้งๆ ที่มามันก็ปกติทุกอย่างยกเว้นขาบวมเท่านั้น สุดท้าย หมอก็ว่า "หากคิดว่าเป็นความผิดหมอ หมอก็ไม่คิดแล้วกัน" เห่อๆๆ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเลยจ่ายให้ก็ได้แล้วชุบชีวิตให้ได้ไหมล่ะ แต่ชีวิตทั้งชีวิต ที่มันปกติดีต้องมาตายด้วยมือหมอไม่รู้สึกบ้างเลยเหรอ นอกจากพูดว่า "มีค่า X-Ray ด้วย" เวรกรรมหมอสมัยนี้ หากตอนแรกยอมรับอะไรบ้างว่ามันเป็นความผิดเขาบ้างก็จะไม่ว่าไร แต่ตลอดเวลาที่คุย ก็มีแต่โยนมาให้เรา อ้างอาการอื่นบ้าง แมวช็อคเองบ้างแหละ...

สุดท้ายผมก็พาสถาพร่างไร้วิญญาณ ของน้องเขาออกมาขับรถออกจากร้าน บอกตามตรงทำใจยังไม่ได้ ไปแวะข้างทางดูน้องเขายังร้องไห้เลย ว่าไม่น่าพามาตายเลย อยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่เป็นไรแล้ว มาเจ็บใจที่สุดว่าขาที่ X-Ray มาแล้ว ขาไม่ได้หักเลยด้วย แต่บวมธรรมดา หมอว่าอาจเป็นฝี (เป็นฝีแล้ว X-Ray ถึงตายเหรอ?) เราก็ดูไม่เป็นหรอกหักไม่หัก ตอนแรกบอกตามตรงว่าดูว่าหักนะ แต่เขาว่าไม่หักก็ไม่หักเพราะเราไม่ใช่หมอ สรุปแล้วพาแมวมาตายฟรีๆ เลย เสียใจมาก คงเป็นเวรกรรมของน้องเขา ก็ดีซะอีกหมดไปชาติแล้ว จะได้ไปเกิดใหม่ที่ดีกว่าเดิม...

เมื่อซักครู่นำน้องเขาไปฝังดินแล้ว รู้สึกดีขึ้นเลยมานั่งเขียนเล่าให้ฟัง เพราะคงทำไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ก็ขอให้น้องไปสู่สุคติแล้วกัน

รูปนี้คงไม่ต้องบรรยายครับคุณหมอ มันต่างจากรูปบนนัก ผมไม่ได้โทษว่าความผิดหมอแต่ผมผิดเองที่พาน้องเขาไปตาย และกรรมของน้องเขาเอง | และคำสุดท้ายที่พูดกับน้องเขา ต่อหน้าหมอ คือ "พ่อไม่น่าพามาตายเลยลูก"


คนอื่นยังไงไม่รู้แต่ผมว่ามันก็คือสมาชิกคนหนึ่งในบ้าน จะปล่อยให้ตายต่อหน้าคงไม่ได้ หรือมันเจ็บป่วยก็ต้องรักษา ผมไม่รู้หมอสมัยนี้รักษาสัตว์แบบที่มันเป็นสัตว์ หรือมันเป็นเพื่อนร่วมโลกกันแน่ เพราะหากคิดว่าแค่สัตว์ คุณจะจับมันทำยังไงก็ได้ เจ็บก็ไม่สน แต่เราคนเลี้ยงบอกได้เลยว่าถนอมมันมาก ตั้งแต่มันคลอด มันลืมตา เริ่มเดิน..... อย่าลืมว่าคุณก็สัตว์ เราก็สัตว์ แต่ประเสริฐกว่ามันเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถทำกับสัตว์อื่นยังไงก็ได้ มันอยู่ที่การมอง คุณรักษาสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นอาชีพคุณแล้วคุณมองสิ่งที่คุณรักษาว่า "แค่สัตว์" หรือ "เพื่อนร่วมโลก" ของคุณ? (หมอดีๆ มีอีกเยอะซึ่งผมก็เจอแล้ว หากเขามีเครื่องมือพร้อมก็คงไม่ต้องให้ตกถึงมือหมออย่างพวกคุณหรอก... ผมไม่ว่าคุณไม่ดีนะครับ = =!!)


ใครอยากเห็นรูปน้องขนมจีบ ดูที่ลิงค์ นะครับ
http://myhimalayan.blogspot.com/2009/05/kanomjeeb.html

หรือจะทิ้งข้อความคอมเม้นต์ไว้ก็ได้นะครับ คลิกที่นี่เพื่อคอมเม้นต์

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การเลี้ยงแมวเปอร์เซีย และอุปกรณ์เลี้ยงแมว

นึกอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนยังไงดีการเลี้ยงแมวเปอร์เซียนี้ เพราะก็เลี้ยงแบบบ้านธรรมดา ไม่ได้พิเศษไรมาก เอาเท่าที่พอจะนึกได้จากประสบการณ์ตรงนะครับ เพราะที่บ้านก็เลี้ยงสบายๆ ไม่มีอะไรมาก แค่ดูแลความสะอาด อาบน้ำ แปรงขน หาอาหารให้เขากิน สังเกตุเขาว่ามีอาการไรผิดสังเกตุไหม เหล่านี้เป็นเรื่องเบื้องต้นที่ใช้สำหรับเลี้ยงแมวเปอร์เซีย ครับมาที่เรื่องแรก

การรับแมวเปอร์เซียเข้ามาที่บ้านวันแรก
โดยส่วนใหญ่ที่ทำอยู่เมื่อรับแมวมาบ้านวันแรกก็จะขังเขาไว้ก่อนตามคำแนะนำของสัตว์แพทย์ที่แนะนำเราว่าจะได้ดูอาการน้องเขาก่อนว่าติดเชื้อไรมาหรือไม่ ซึ่งหากมีอาการก็จะแสดงให้เห็นภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นการดีกว่าหากจะปล่อยให้อยู่กับแมวเราเลย เพราะว่าหากมีเชื่อโรคไรขึ้นมาแมวเราก็จะติดไปด้วยหากเลี้ยงรวมเลย

การทำความคุ้นเคยให้แมวเก่า ใหม่
จริงตรงนี้ได้ยินคนถามมาเยอะเหมือนกัน ซึ่งตัวเองก็เคยเจอปัญหาแรกๆ เวลาเลี้ยงเหมื่อนกันว่าแมวมาใหม่จะถูกรังแก จากแมวเจ้าถิ่นบ้าง โดนตบบ้าง กัดบ้าง ทำให้แมวมาใหม่ร้องเสียงหลง ทำให้เราสงสาร วิธีการจริงๆ ก็ไม่มีไรเลย แค่คอยดูเขาห่างๆ เขาเล่นแรงก็จับแยกเท่านั้นน่าจะใช้เวลาประมาณ 2-5 วันน่าจะเข้ากันได้ หลังจากปล่อยเลี้ยงรวม ตอนแรกไม่เข้าใจเหมือนกันแมวที่บ้านเล่นเป็น 2 อาทิตย์เลยกว่าจะสนิทกัน เพราะเห็นมันถูกตบ ถูกกัดก็จะคอยเอาใส่กรงประจำ ทำให้มันไม่ชินกันซักที สุดท้ายเลยตัดใจปล่อยไม่ขัง จำได้ว่า 2-3 นี้แหละมันก็คุ้นกันแล้ว อุตส่าห์ขังแยกตั้งนาน แต่อย่าลืมนิดนะครับว่า ต้องตัดเล็บแมวตัวเก่าด้วยไม่งั้นอาจทำอันตรายแมวตัวใหม่ได้ครับ

หลังจากได้แมวมาแล้ว สิ่งพื้นฐานที่ต้องมีเลย คือ
1. ชามอาหาร
2. ชามน้ำ หรือ จะเป็นจุกให้น้ำก็ดีเลย
3. กรงหากต้องการขังบ้างเป็นครั้งคราว แนะนำเป็นกรงเบอร์ 1 ครับ เพราะมีพื้นทีเดินกลับตัว ไม่ทำให้แมวเครียดมาก
4. กะบะทราย หรือจะเป็นห้องน้ำแมวก็ได้เพื่อเก็บกลิ่นได้ดี
5. ทรายแมว ขอเป็นทรายที่ขายกัน ไม่แนะนำทรายจริงครับ
6. อาหารแมว แนะนำให้กินอาหารแมวเกรดพรีเมี่ยม ตามร้านอาหารสัตว์ เช่น Royal Cannin หรือ Hill's ก็ได้ หรือจะเป็นยี่ห้ออื่นๆ ตามสะดวกก็ได้ครับ
7. ที่ตัดเล็บแมว
8. แชมพูแมว ต้องเป็นสำหรับแมวขนขาวเท่านั้นครับ โดยปกติจะซื้อกับสัตว์แพทย์เลย เพราะเป็นเพื่อนกันแนะนำดี
9. แปรงสำหรับ แปรงขนแมว
10. น้ำยาเช็ดตาและหู

เท่าที่นึกได้นะครับน่าจะประมาณนี้ครับ จะมีเล็กๆ น้อยๆ ก็พวกของเล่นแมว แต่ก็แล้วแต่เจ้าของหากันมาครับ หลังจากนั้นก็หามุมซักมุม วางสิ่งพวกนี้ไว้เพื่อเป็นที่ประจำในการมาพัก กินอาหาร หรือขับถ่าย อันนี้เจ้าของก็เลือกกันนะครับว่าจะวางตรงไหน จะอิงหลักฮวงจุ้ยก็ได้แล้วแต่ เกี่ยวกันไหมเนี้ย ห้าๆๆๆ

อาหารก็วางให้เขา ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะกินไม่กินหากแมวปกติไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาหิวก็จะไปกินเองครับ แต่หากแมวตัวเล็กมากก็อาจ ทุบให้ละเอียดนิดครับหากเม็ดมันใหญ่มาก

ส่วนเรื่องน้ำ หากเป็นไปได้อยากให้ฝึกให้เขาเลียจุกน้ำมากกว่า จะสะดวกครับและน้ำไม่หกเรี่ยราดหรือเปียกขนแมวที่เรารักด้วยครับ

กรงแมว อย่างที่บอกไปก็ขอเป็นกรงแมวเบอร์ 1 เพื่อให้น้องเขามีพื้นที่สวิงตัวหน่อยจะได้ไม่ดู กดดันเกินไป อันนี้คิดจากความรู้สึกเอง 555 จะทำชั้นสูงจากพื้นอีกก็ได้เพื่อให้น้องเขาได้กระโดดขึ้นไปนอนได้ กรงนี้หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วไป บอกกรงเบอร์ 1 ครับขนาดประมาณ กว้าง 26 นิ้ว ยาว 36 นิ้ว และสูง 24 นิ้ว โดยประมาณครับ

กะบะทรายแมว ที่บ้านจะใช้เป็นห้องน้ำ น่ารักๆ แถมยังช่วยเก็บกลิ่นได้พอสมควรด้วย เพราะจะเลี้ยงแบบปล่อยให้วิ่งเล่นในห้อง ไม่ค่อยเน้นขังกรง ปวดเมื่อไหร่ก็วิ่งเขาห้องน้ำเอา ขั้นแรกไม่มีอะไรมากตามวิธีแต่ดั้งเดิมก็เอาก้นแมวไปถูๆ ที่ทราบแมวเพื่อให้มันมีกลิ่นของตัวมันเองติดที่ทราย จะได้มาเข้าห้องน้ำได้ถูก

ส่วนทรายแมว แนะว่าอยากให้เป็นทรายแมวจริงเลยเพราะมันจะเหม็นมากหากแมวอึหรือฉี่ ขอให้เป็นทรายแมวที่ขายในพวกร้าน Pet Shop จะดีกว่า จะเก็บกลิ่นได้พอสมควร ส่วนที่บ้านจะใช้ยี่ห้อ Cat Best เพราะสะดวกดี จับตัวเป็นก้อน เก็บกลิ่นดี แล้วสามารถนำไปทิ้งลงชักโครกได้เลย ไม่อุดตัน

ที่ตัดเล็บแมว ก็เป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะแมวจะชอบลับเล็บตัวเองเสมอๆ โดยเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เห่อๆๆๆ รวมถึงอาจทะเลาะกับแมวด้วยกันเอง ดังนั้น ควรตัดเล็บแมวให้สั้น แต่ไม่แนะนำให้ถอดเล็บนะครับไม่ควรทำ เพราะหากเปรียบกับคนก็เหมือนตัดนิ้วบริเวณที่เป็นเล็บออกไปเลย สยองใช่ไหมล่ะ ดังนั้นก็ไม่ควรทำกับแมวเราเช่นกันมันเป็นบาป ส่วนการตัดเล็บแมวนั้นควรเป็นกรรไรที่สำกรับตัดเล็บแมวเท่านั้น จะได้ไม่ทำให้แมวเจ็บมาก และไม่แนะนำให้เป็นที่ตัดเล็บคน มันจะเจ็บครับ วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก ก็สังเกต กางเล็บแมวออกมา แล้วดูครับ เล็บแมวจะแบบเป็น 2 ช่วงคือ ปลายเล็บที่แหลมเนื้อสีขาวขุ่น อันนี้สามารถตัดได้ แต่บริเวณที่ลึกลงได้จนเห็นเนื้อแดงๆ ของเขาติดกับเล็บอย่าไปตัดนะครับ เขาจะเจ็บ และมีเลือดออก ให้ตัดตรงที่ไม่มีเนื้อติดครับ ไม่ยากครับ ไม่ต่องกลัว แต่ต้องปล้ำกับแมวหน่อย

แปรงสำหรับแปรงขนแมว แนะนำว่าเป็นแปรงแบบหัวตุ่มก็ดีครับ (เรียกถูกไหมเนี้ย 555) หวีให้น้องเขาเป็นไปได้ก็เช้า-เย็น เพื่อขนไม่พันกัน และเอาขนเก่าออก ส่วนใหญ่ที่บ้านแมวจะชอบให้หวีให้ เพราะมันจะเคลิมเลย ^^

แชมพูแมวเปอร์เซีย ขอให้เป็นแชมพูสำหรับแมวขนยาว เพราะจะได้ไม่ทำให้ขนพันกัน ที่บ้านจะใช้สูตรพวกป้องกันเห็บหมัด เชื่อเราต่างๆ ด้วย แต่อันนี้ก็แล้วแต่จะเลือกกันนะครับ หรือจะปรึกษาสัตว์แพทย์ใกล้บ้านก็ได้ ว่าเป็นแชมพูยี่ห้อไหนจะดี หลังจากได้แชมพูก็อย่าลืมอาบน้ำให้มันนะครับอย่างน้อยๆ ซักเดือนละครั้งเป็นอย่างน้อย ไม่ก็ 2 สัปดาห์ครั้งก็ได้ หลังจากอาบน้ำก็เป่าขนให้แห้ง ย้ำว่าให้แห้งนะครับ ไม่เอาหมาดเดี๋ยวขนน้องจะชื้นแล้วน้องจะเป็นหวัด หรือเป็นเชื้อราได้

น้ำยาเช็ดตาและหู ก็จะหาได้ง่ายๆ จากร้าน Pet Shop ทั่วไป ก็แล้วแต่จะเลือกหรือจะปรึกษาสัตว์แพทย์ก็ได้แล้วแต่ การเช็ดตา หากเป็นแมวหน้าบี้ก็ต้องดูแลเช็ดเช้า-เย็น เพื่อให้ไม่เป็นคราบสกปรกติดตาไม่น่ามอง จะใช้เป็นน้ำยา หรือน้ำอุ่นๆ เ๙้ดก็ได้เหมือนกัน จากนั้นก็ซับๆ ให้แห้งด้วยนะครับ ส่วนการทำความสะอาดหู ก็ควรเช็ดเป็นประจำเพราะ หูเป็นบริเวณที่สกปรกง่ายแล้วอาจก็ให้เกิดเชื้อโรคต่างๆ กับแมวได้ ดังนั้นอาจเช็ดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเป็นดีครับ หรือจะดูว่าสกปรกแล้วก็ควรเช็ดได้ครับ

การสังเกตุอาการผิดปกติในแมว อันนี้ก็ต้องคอยดูครับว่าน้องเขาซึมไหม ตัวร้อนไหม ถ่ายเป็นเลือดไหม ปัสสาวะออกหรือเปล่า หรืออาการใดๆ ที่ดูผิดสังเกตก็จะรีบโทรถามสัตว์แพทย์โดยทันที หากไม่น่าไว้วางใจก็จะรีบนำตัวไปพบสัคว์แพทย์โดยด่วนเพื่อเช็คอาการครับ ที่บ้านจะคอยถามตลอด จนหมอเบื่อแล้วมั้ง 555


เท่านี้ครับวิธีการและอุปกรณ์ง่ายๆ ที่จะดูแลแมวของคุณให้มีสุขภาพดี... ที่บ้านก็ทำแค่นี้ครับ เลี้ยงแบบพื้นๆ ไม่มีไรมากหากใครมีไรเสริมก็ทิ้งคอมเม้นต์ไว้ได้นะครับจะเอาไปปรับปรุงต่อไปครับ เพราะเขียนมาทั้งหมด ก็นึกๆ เอา จากประสบการณ์ที่เลี้ยงมาเท่านั้นครับ หากผิดพลาดประการใดๆ ก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ ^_^!!